แชมป์เจ้าภาพ? วิเคราะห์โอกาส + ความพร้อมของทีมชาติเยอรมนีในศึกยูโร 2024

ถ้าเกิดว่าเราไม่นับยูโร 2020 ครั้งล่าสุดที่อิตาลีร่วมเป็นเจ้าภาพกับประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป เจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลยูโรก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลเจ้าบ้านได้มาแล้วนับเป็นปีที่ 40 โดยเป็นฝรั่งเศสที่ทำได้ในศึกยูโร 1984 ในการแข่งขันปีนี้ เยอรมนี ทีมแชมป์สามสมัย จะได้ขึ้นมาเป็นเจ้าภาพครั้งแรกนับแต่ปี 1988 แต่พวกเขาจะมีโอกาสคว้าแชมป์แรกในรอบเกือบสามสิบปี ให้แฟน ๆ เมืองเบียร์ได้ชื่นใจกันทั้งประเทศบ้างหรือไม่นั้น เรามาดูกันเลย

“ความได้เปรียบของเจ้าภาพ” กับศึกยูโร

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเยอรมนี เรามาพูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเยอรมนีเป็นเจ้าภาพกันก่อนครับ โดยฟุตบอลยูโร 2024 ถือเป็นฟุตบอลยูโรครั้งแรกที่เยอรมนีจะได้เป็นเจ้าภาพในฐานะประเทศหนึ่งเดียวกัน เนื่องจากในปี 1988 ตอนนั้นยังคงใช้ชื่อว่าเยอรมนีตะวันตกอยู่ ซึ่งในครั้งนั้น เยอรมนีก็ผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศครับ ซึ่งถึงแม้จะเข้าชิงชนะเลิศหรือคว้าแชมป์ไม่ได้ ก็เป็นการสะท้อนกระแสที่ว่า เจ้าบ้าน/เจ้าภาพในการจัดแข่งขันกีฬา มักจะมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขันคนอื่น ๆ 

ทีนี้ เราลองมาดูกันครับว่า “เจ้าภาพ” ทำผลงานได้ดีแค่ไหนตลอดประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร ตั้งแต่ที่มีการขยายทีมเพิ่มเป็น 16 ทีมในปี 1996 แล้วกันนะครับ เพราะการบอกว่าทุกทีมก่อนหน้านั้นเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ มันไม่ค่อยจะฟังดูมีศักดิ์ศรีอะไรเท่าไหร่

รวมผลงานเจ้าภาพยูโรตั้งแต่ปี 1996

  • 1996 อังกฤษเป็นเจ้าภาพ ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ
  • 2000 เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ร่วมเป็นเจ้าภาพ เนเธอร์แลนด์เข้ารอบรองชนะเลิศ
  • 2004 โปรตุเกสเป็นเจ้าภาพ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศแต่แพ้กรีซ
  • 2008 ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ร่วมเป็นเจ้าภาพ แต่ตกรอบแบ่งกลุ่มทั้งคู่
  • 2012 โปแลนด์และยูเครนร่วมเป็นเจ้าภาพ แต่ตกรอบแบ่งกลุ่มทั้งคู่
  • 2016 ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศแต่แพ้โปรตุเกส
  • 2020 อิตาลีร่วมเป็นเจ้าภาพและคว้าแชมป์ได้

ส่องทัพอินทรีเหล็กภายใต้ “นาเกลส์มันน์”

หลังเข้ารับเผือกร้อนต่อจากฮันซี่ ฟลิคในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยูเลียน นาเกลส์มันน์ก็ยังไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือฟอร์มการเล่นของทัพอินทรีเหล็กในระดับที่มีความหมายใด ๆ ได้ ผลงานตลอดปี 2023 ทั้งหมด 11 เกม ทีมชาติเยอรมนีเก็บชัยชนะได้เพียง 3 เกม เสมอไปอีก 2 และแพ้ไปถึง 6 เกม รวมถึงต้องเจอกับการไม่ชนะใคร 5 เกมติดต่อกัน เมื่อพิจารณาจากคู่ต่อสู้ ก็ยิ่งทำให้ผลงานของพวกเขายิ่งน่าประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก เพราะทีมชาติเยอรมนีสามารถเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศส ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในยุโรป ไป 2-1 แต่กลับแพ้ให้ญี่ปุ่น 1-4 โคลอมเบีย 0-2 และออสเตรีย 0-2

สำหรับนักเตะชุดปัจจุบัน ก็มีการผสมกันอย่างลงตัวของประสบการณ์และความเยาว์วัย ไม่ว่าจะเป็น มัตส์ ฮุมเมลส์, โธมัส มุลเลอร์ หรืออิลคาย กุนโดกัน ผู้รั้งตำแหน่งกัปตันทีม ซึ่งแต่ละคนก็มีอายุเกิน 33 ปีกันหมดแล้ว ส่วนฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ที่กำลังพาไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ลอยละลิ่วนำโด่งในตารางบุนเดสลิกา ก็มีอายุย่าง 21 ปีเท่านั้น ปีกดาวรุ่งอย่าง จามาล มูซิอาล่า ก็ยังมีอายุไม่ถึง 21 ปี

วิเคราะห์และทำนายผลงานในศึกยูโร 2024

เพื่อนร่วมกลุ่ม A ของทีมชาติเยอรมนี ไม่ได้แข็งถึงขนาดเป็นกลุ่มแห่งความตาย ได้แก่ สกอตแลนด์ ฮังการี และสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็ไม่ใช่ทีมอ่อนในตารางการจัดอันดับของฟีฟ่า เพราะฉะนั้น เยอรมนีจะต้องไม่ประมาทเป็นอันขาด การผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ไม่ใช่เรื่องการันตี โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากความไม่คงเส้นคงวาของทีม ทั้งนี้ทั้งนั้น บ่อนพนันบอลยูโร 2024 ถูกกฎหมายทั่วโลก ต่างก็มองว่า เยอรมนีมีโอกาสผ่านเข้ารอบจากกลุ่ม A มากที่สุดในบรรดา 4 ทีม และมันก็คงจะต้องอาศัยความพลิกล็อคครั้งสำคัญติดต่อกัน ที่จะทำให้เยอรมนีหมดโอกาสในการได้ไปเล่นในรอบน็อคเอาท์